ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ข่าวการพิพาทระหว่าง OpenAI บริษัทผู้พัฒนาระบบปัญญาประดิษฐ์ ChatGPT กับนักแสดงสาวชื่อดัง Scarlett Johansson ได้สร้างความวุ่นวายในวงการเทคโนโลยี เนื่องจากมีข้อกล่าวหาว่า OpenAI ได้ลอกเลียนเสียงของ Johansson มาใช้ในระบบ ChatGPT โดยไม่ได้รับอนุญาต
ที่มาของข้อพิพาท ChatGPT
ทุกสิ่งเริ่มต้นขึ้นเมื่อ OpenAI เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ของ ChatGPT ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเลือกรับฟังคำตอบจากระบบในรูปแบบเสียงพูดได้ โดยมีตัวเลือกเสียงให้เลือกถึง 5 เสียง หนึ่งในนั้นคือเสียงที่ OpenAI ตั้งชื่อว่า “Sky” ซึ่งต่อมาได้ถูกนักแสดงสาว Scarlett Johansson ออกมากล่าวหาว่าเป็นการลอกเลียนเสียงของเธอ
Johansson ระบุว่า Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI ได้ติดต่อมายังนางแบบเพื่อขอให้เธอมาบันทึกเสียงสำหรับใช้ในระบบ ChatGPT แต่เธอได้ปฏิเสธข้อเสนอนั้น อย่างไรก็ตาม เมื่อ ChatGPT เปิดตัวฟีเจอร์เสียงใหม่ เธอจึงได้รับการติดต่อจากเพื่อนและครอบครัวที่บอกว่าเสียง “Sky” นั้นเหมือนกับเสียงของเธอมาก
Johansson ระบุด้วยว่า Altman ได้ติดต่อมายังนายหน้าของเธออีกครั้งเพื่อขอให้เธอเปลี่ยนใจ แต่เธอก็ยังคงปฏิเสธ จนในที่สุดเธอจึงตัดสินใจว่าจ้างทีมกฎหมายเพื่อดำเนินการเรื่องนี้ต่อไป โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของการคุ้มครองรูปลักษณ์และเสียงของบุคคลในยุคที่เทคโนโลยีดีพเฟกเริ่มแพร่หลาย
การตอบโต้ของ OpenAI ChatGPT
หลังจากที่ข้อพิพาทนี้ระเบิดออกมา OpenAI ได้ออกมาชี้แจงอย่างละเอียดถึงกระบวนการคัดเลือกและบันทึกเสียงสำหรับใช้ในระบบ ChatGPT โดยระบุว่าพวกเขาไม่ได้ลอกเลียนเสียงของ Scarlett Johansson แต่อย่างใด
OpenAI อธิบายว่า พวกเขาได้ว่าจ้างนักพากย์มืออาชีพมาบันทึกเสียงตามวิสัยทัศน์และข้อกำหนดที่บริษัทได้กำหนดไว้ โดยได้อธิบายถึงขีดความสามารถและข้อจำกัดของเทคโนโลยีนี้ รวมถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นให้นักพากย์ทราบก่อนเริ่มงาน
“เราเชื่อว่าเสียงปัญญาประดิษฐ์ไม่ควรลอกเลียนเสียงของคนดังโดยตรง เสียง Sky ไม่ใช่การลอกเลียนเสียงของ Scarlett Johansson แต่เป็นเสียงธรรมชาติของนักพากย์มืออาชีพคนอื่น” OpenAI ระบุ
นอกจากนี้ OpenAI ยังชี้แจงด้วยว่า พวกเขาได้ขออนุญาตจากนักพากย์ทุกคนที่ร่วมงานด้วยก่อนที่จะนำเสียงของพวกเขาไปใช้ในระบบ ChatGPT
ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมปัญญาประดิษฐ์
ข้อพิพาทครั้งนี้ได้สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายที่อุตสาหกรรมปัญญาประดิษฐ์กำลังเผชิญอยู่ในเรื่องของสิทธิส่วนบุคคล การคุ้มครองรูปลักษณ์และเสียง รวมถึงการควบคุมเทคโนโลยีดีพเฟกให้อยู่ในกรอบจริยธรรม
หากบริษัทเทคโนโลยีไม่สามารถจัดการกับประเด็นเหล่านี้ได้อย่างเหมาะสม อาจส่งผลให้เกิดข้อพิพาทและคดีความฟ้องร้องมากขึ้น ซึ่งจะกระทบต่อความน่าเชื่อถือและการยอมรับของสาธารณชนที่มีต่อเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์
นอกจากนี้ ยังอาจนำไปสู่การออกกฎระเบียบควบคุมที่เข้มงวดขึ้น ซึ่งจะเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนานวัตกรรมในอุตสาหกรรมนี้ด้วย ดังนั้น จึงเป็นสิ่งสำคัญที่บริษัทต่างๆ จะต้องให้ความสำคัญกับจริยธรรมและการเคารพสิทธิส่วนบุคคลควบคู่ไปกับการพัฒนาเทคโนโลยี
บทสรุปและบทเรียนที่ได้รับ
ข้อพิพาทระหว่าง OpenAI และ Scarlett Johansson ครั้งนี้ได้สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายที่อุตสาหกรรมปัญญาประดิษฐ์กำลังเผชิญอยู่ในเรื่องของสิทธิส่วนบุคคล การคุ้มครองรูปลักษณ์และเสียง รวมถึงการควบคุมเทคโนโลยีดีพเฟกให้อยู่ในกรอบจริยธรรม
แม้ OpenAI จะชี้แจงว่าพวกเขาไม่ได้ลอกเลียนเสียงของ Johansson แต่กรณีนี้ก็ได้เตือนสติให้บริษัทเทคโนโลยีต่างๆ ตระหนักถึงความสำคัญของการปฏิบัติตามจรรยาบรรณและการเคารพสิทธิส่วนบุคคลของบุคคลอื่น