ศัพท์การตลาดออนไลน์

Affiliate Marketing (การตลาดแบบพันธมิตร)

Affiliate Marketing (การตลาดแบบพันธมิตร) เป็นโมเดลธุรกิจที่ผู้ตลาด (affiliate) ร่วมมือกับผู้ขายสินค้าหรือบริการ (merchant) เพื่อโฆษณาและขายสินค้าหรือบริการของพวกเขาผ่านช่องทางออนไลน์โดยใช้ลิงก์พิเศษที่ระบุติดกับผู้ตลาดนั้น ๆ ซึ่งเรียกว่า “affiliate links” หรือ “tracking links”
เมื่อผู้ซื้อคลิกที่ลิงก์พิเศษนั้นและทำการซื้อสินค้าหรือบริการผ่านลิงก์ดังกล่าว ผู้ตลาดจะได้รับค่าคอมมิชชั่นในรูปแบบที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ซึ่งอาจเป็นเงินสดหรือเป็นส่วนลด และค่าคอมมิชชั่นนี้จะถูกกำหนดโดยการสร้างขึ้นในระบบพันธมิตรที่กำหนดไว้ล่วงหน้าระหว่างผู้ตลาดและผู้ขายสินค้าหรือบริการ
โดยทั่วไปแล้ว โมเดลธุรกิจนี้มักจะเป็นกลไกที่ได้รับความนิยมในการตลาดออนไลน์ เนื่องจากมีความสะดวกสบายและมีโอกาสในการสร้างรายได้ได้หลากหลายสำหรับทั้งผู้ตลาดและผู้ขายสินค้าหรือบริการ

Analytics (การวิเคราะห์ข้อมูล)

Analytics (การวิเคราะห์ข้อมูล) เป็นกระบวนการที่ใช้เครื่องมือและเทคนิคต่างๆ เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อเข้าใจและสร้างความรู้ที่มีประโยชน์จากข้อมูลที่มีอยู่ เป้าหมายหลักของการวิเคราะห์ข้อมูลคือการหาแนวโน้ม ความสัมพันธ์ และข้อสังเกตที่สำคัญซึ่งสามารถช่วยให้บริษัทหรือองค์กรทำการตัดสินใจในการดำเนินงาน การวิเคราะห์ข้อมูลที่ถูกต้องและมีประสิทธิภาพสามารถช่วยให้องค์กรมีการบริหารจัดการและการตัดสินใจที่มีเสถียรภาพมากขึ้น

การวิเคราะห์ข้อมูลมักใช้เครื่องมือและเทคนิคต่างๆ เช่น การสร้างกราฟและแผนภูมิ เทคนิคทางสถิติ การใช้ซอฟต์แวร์การวิเคราะห์ข้อมูล เป็นต้น บริการวิเคราะห์ข้อมูลมักถูกใช้ในหลายด้าน เช่น การวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าเพื่อเข้าใจพฤติกรรมการซื้อ การวิเคราะห์ข้อมูลเว็บไซต์เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพในการทำ SEO หรือการวิเคราะห์ข้อมูลการผลิตเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการโรงงาน เป็นต้น การวิเคราะห์ข้อมูลเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจและองค์กรต่างๆ พัฒนาและเติบโตได้อย่างยั่งยืนในยุคดิจิทัลในปัจจุบัน

API (Application Programming Interface)

API (Application Programming Interface) คือชุดข้อกำหนดที่กำหนดวิธีการทำงานหรือการสื่อสารระหว่างแอปพลิเคชันคอมพิวเตอร์ต่าง ๆ โดยทั่วไปแล้ว API จะให้บริการการเข้าถึงฟังก์ชันหรือข้อมูลของระบบหรือแอปพลิเคชันอื่น ๆ ผ่านทางเนื้อหาที่มีการกำหนดไว้ล่วงหน้า เช่น เมื่อแอปพลิเคชันที่สร้างขึ้นโดยใช้ API จากเครื่องมือการเงิน เราสามารถใช้ API เหล่านั้นเพื่อดึงข้อมูลบัญชีผู้ใช้หรือทำธุรกรรมการโอนเงินได้ โดยไม่จำเป็นต้องเข้าสู่ระบบของเครื่องมือการเงินโดยตรง นี่เป็นตัวอย่างการใช้งาน API เพื่อเชื่อมต่อแอปพลิเคชันกับบริการหรือระบบอื่น ๆ ที่มีอยู่แล้วในโลกดิจิทัล เพื่อให้สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลหรือปฏิสัมพันธ์กันได้โดยเร็วและมีประสิทธิภาพ

Automation (การอัตโนมัติ)

Automation (การอัตโนมัติ) คือกระบวนการที่ใช้เทคโนโลยีหรือเครื่องมือในการทำงานโดยอัตโนมัติโดยไม่ต้องมีความต้องการหรือการแก้ไขจากมนุษย์อย่างต่อเนื่อง การอัตโนมัติมักเกี่ยวข้องกับการใช้ซอฟต์แวร์หรือระบบคอมพิวเตอร์ที่ได้รับการโปรแกรมให้ปฏิบัติงานตามกฎหมายหรือแบบแผนที่ได้ถูกกำหนดไว้ล่วงหน้า การอัตโนมัติสามารถช่วยลดการบังคับงานที่ซ้ำซากและเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการธุรกิจ ตัวอย่างของการอัตโนมัติประกอบไปด้วยการทำงานทางด้านโรบอติกส์ (Robotic Process Automation), การสร้างระบบการเชื่อมต่อแบบอัตโนมัติในการตอบสนองกับอุปกรณ์อื่น ๆ และการใช้งานซอฟต์แวร์เพื่อสร้างกระบวนการงานที่เป็นอัตโนมัติในองค์กรต่าง ๆ เช่น การจัดการเอกสารอัตโนมัติ การตอบกลับอีเมลโดยอัตโนมัติ หรือการทำงานในเครื่องผสมของโรงงานโดยใช้หุ่นยนต์และระบบควบคุมอัตโนมัติอื่น ๆ เป็นต้น

Ad Blocker (โปรแกรมป้องกันโฆษณา)

Ad Blocker (โปรแกรมป้องกันโฆษณา) เป็นโปรแกรมหรือส่วนเสริมที่ติดตั้งบนเบราว์เซอร์เพื่อป้องกันการแสดงโฆษณาในหน้าเว็บที่ผู้ใช้เข้าชม โปรแกรมเหล่านี้ทำหน้าที่ตรวจจับและบล็อกการโหลดข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับโฆษณาออกจากหน้าเว็บ ซึ่งทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องมองเห็นโฆษณาที่แสดงอยู่บนเว็บไซต์ การใช้งาน Ad Blocker ช่วยลดการรบกวนจากโฆษณาและเพิ่มประสิทธิภาพในการเรียกดูเนื้อหาของเว็บไซต์โดยไม่มีการรบกวนจากโฆษณาที่ไม่ต้องการ อย่างไรก็ตาม การใช้ Ad Blocker อาจมีผลกระทบต่อรายได้ของเว็บไซต์ที่พึ่งพากับโฆษณาเพื่อดำเนินการ เนื่องจากลดการแสดงโฆษณาอาจทำให้ลดรายได้จากโฆษณาได้ไม่น้อยในบางกรณี การใช้งาน Ad Blocker ขึ้นอยู่กับความต้องการและประสบการณ์ของผู้ใช้แต่ละคนในการจัดการโฆษณาในเว็บบราวเซอร์ของตน และส่วนใหญ่ผู้ใช้มักจะใช้ Ad Blocker เพื่อประสบการณ์การใช้งานเว็บที่สะดวกสบายและปลอดโฆษณามากขึ้น

Algorithm (อัลกอริทึม)

อัลกอริทึม (Algorithm) เป็นขั้นตอนการแก้ปัญหาหรือการดำเนินการทางคณิตศาสตร์หรือคอมพิวเตอร์ที่ถูกกำหนดไว้อย่างชัดเจน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ถูกต้องตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดมาล่วงหน้า
อัลกอริทึมมักถูกใช้ในหลายสาขา เช่น วิทยาการคอมพิวเตอร์ วิทยาการข้อมูล วิทยาการปัญญาประดิษฐ์ และอื่น ๆ อีกมาก โดยมักจะถูกนำมาใช้เพื่อแก้ปัญหาหรือดำเนินการต่าง ๆ อย่างมีประสิทธิภาพ ตัวอย่างของอัลกอริทึมที่มีชื่อเสียงได้แก่ อัลกอริทึมการค้นหาเชิงลึก (Deep Learning Algorithm) ในประเด็นของปัญหาการระบุวัตถุในภาพ หรืออัลกอริทึมการค้นหาในเว็บ (Web Search Algorithm) เพื่อค้นหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ตตามคำค้นหาที่ผู้ใช้ระบุ โดยอัลกอริทึมเหล่านี้มีการทำงานและหลักการที่แตกต่างกันไปตามลักษณะของงานที่ทำและวัตถุประสงค์ของการใช้งานโดยตรง

Augmented Reality (ความเสมือนเสมือนเสริม)

Augmented Reality (AR) หมายถึง เทคโนโลยีที่ผสานความเป็นจริงกับสิ่งที่เสริมเพิ่มเติมจากคอมพิวเตอร์ ในสภาพแวดล้อมที่มีอยู่ โดยที่ผู้ใช้สามารถมองเห็นโลกจริง แต่พร้อมกับการเสริมเพิ่มเติมจากข้อมูลเสริม เช่น กราฟิก ภาพ วิดีโอ หรือข้อความ ที่ถูกแสดงผลบนอุปกรณ์เช่นสมาร์ทโฟน แว่นตา AR หรือแว่น VR ที่ใช้ AR โดยทั่วไป AR มักถูกใช้ในตลาดเกม การศึกษา และอุตสาหกรรมการผลิต แต่มีการนำมาใช้ในการตลาด การท่องเที่ยว และอื่น ๆ ด้วย โดย AR ช่วยให้ผู้ใช้สามารถได้รับประสบการณ์ที่มีความเป็นจริงเพิ่มเติมในสิ่งที่พวกเขามองเห็นในโลกรอบตัว ยกตัวอย่างเช่นการใช้ AR เพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยว การทดสอบเฟอร์นิเจอร์ใหม่ในสภาพแวดล้อมของผู้ใช้ หรือการแสดงโฆษณาแบบเพิ่มเติมบนพื้นที่จริงขณะที่ใช้แอพพลิเคชันที่รองรับ AR ในสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตของพวกเขา

B2B (Business-to-Business)

B2B (Business-to-Business) คือรูปแบบหนึ่งของกิจการที่เกี่ยวกับการซื้อขายหรือการทำธุรกิจระหว่างองค์กรกับองค์กร ซึ่งสินค้าหรือบริการที่ถูกขายหรือถูกซื้อในกรณี B2B นั้นมักจะเป็นสินค้าหรือบริการที่ใช้ในการผลิตหรือในกิจกรรมธุรกิจอื่น ๆ โดยไม่ได้มุ่งเน้นไปที่ผู้บริโภคทั่วไป ซึ่งต่างจากรูปแบบ B2C (Business-to-Consumer) ที่เน้นการขายสินค้าหรือบริการตรงไปยังผู้บริโภคที่ส่วนตัวโดยตรง

ในโลกธุรกิจ B2B, องค์กรมักจะเป็นผู้ผลิตหรือจำหน่ายสินค้าหรือบริการที่มุ่งหวังที่จะขายให้กับธุรกิจอื่น ๆ ซึ่งอาจเป็นวัสดุการผลิต อุปกรณ์ เทคโนโลยีสารสนเทศ บริการที่เกี่ยวกับธุรกิจ หรือสินค้าและบริการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกิจการหรือการดำเนินงานขององค์กรนั้น ๆ โดยเฉพาะ

การทำธุรกิจในรูปแบบ B2B มักจะมีการต่อรองราคา การจัดส่งและเครื่องมือการตลาดที่แตกต่างจากการทำธุรกิจในรูปแบบ B2C ที่มุ่งเน้นไปที่การตลาดที่เชื่อมโยงกับผู้บริโภคทั่วไปและกิจกรรมการขายของมันอาจมีลักษณะที่ต่างกันออกไปในมุมมองของกลยุทธ์การตลาดและการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า

B2C (Business-to-Consumer)

B2C (Business-to-Consumer) คือโมเดลธุรกิจที่มุ่งเน้นการซื้อขายสินค้าหรือบริการจากธุรกิจถึงกลุ่มผู้บริโภคโดยตรง โดยธุรกิจจะขายสินค้าหรือบริการของตนโดยตรงแก่ผู้บริโภคที่สุดคือผู้ใช้สุดท้ายของสินค้าหรือบริการนั้น ๆ โดยไม่ผ่านการตัวกลางใด ๆ ในกระบวนการซื้อขาย เช่น การซื้อขายทางออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ของร้านค้าออนไลน์หรือการซื้อสินค้าที่ร้านค้าแบบทั่วไป การโฆษณาแบบ B2C มักจะเน้นการติดต่อลูกค้าโดยตรงผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น เว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย หรืออีเมล์ เพื่อเพิ่มยอดขายและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าที่เป็นเป้าหมาย

Blogging (การเขียนบล็อก)

การเขียนบล็อก (Blogging) เป็นกระบวนการการเผยแพร่เนื้อหาบนอินเทอร์เน็ตผ่านเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มบล็อกที่มีชื่อเรียกว่า “บล็อก” โดยบล็อกนั้นส่วนใหญ่จะมีการอัพเดทเนื้อหาใหม่ๆ อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งเนื้อหาในบล็อกอาจเป็นข้อคิดเห็น ข่าวสาร บทความ รีวิว หรือเนื้อหาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อหรือกลุ่มเป้าหมายที่เจ้าของบล็อกเลือก การเขียนบล็อกส่วนใหญ่ถือเป็นรูปแบบการสื่อสารทางออนไลน์ที่มีความยืดหยุ่นและเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการสร้างความสนใจและสร้างความสัมพันธ์กับอ่านของเขาหรือเธอ บล็อกสามารถใช้เพื่อการส่งเสริมสินค้า บริการ หรือแบรนด์ รวมทั้งเป็นเครื่องมือที่ดีในการแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ส่วนตัว นอกจากนี้ การเขียนบล็อกยังเป็นวิธีหนึ่งในการเรียนรู้และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในชุมชนออนไลน์ด้วย

Branding (การสร้างแบรนด์)

Branding (การสร้างแบรนด์) คือกระบวนการสร้างและกำหนดตัวตนของสินค้าหรือบริการให้เป็นที่รู้จักและมีความทันสมัยในใจของลูกค้า เป้าหมายหลักของการตระหนักรู้แบรนด์คือการสร้างความยั่งยืนและความเชื่อมั่นในใจของลูกค้าต่อสินค้าหรือบริการนั้น ๆ

กระบวนการนี้มักจะรวมถึงการกำหนดค่านิยมของแบรนด์ (brand values), การออกแบบโลโก้และสัญลักษณ์ (logo and symbols), การสร้างข้อความและบทสรุปที่ทันสมัย (messaging and taglines), การสร้างประสบการณ์ที่ลูกค้าจะจำ (customer experience), และการสร้างความไว้วางใจให้แก่ผู้บริโภค (consumer trust)

โดยการสร้างแบรนด์ที่มีประสิทธิภาพสามารถช่วยให้ธุรกิจมีความแตกต่างจากคู่แข่ง, สร้างความทรงจำในใจของลูกค้า, และเสริมสร้างความยั่งยืนในตลาด.

Backlink (ลิงค์ย้อนกลับ)

Backlink หรือ ลิงค์ย้อนกลับ คือ ลิงค์ที่มีต้นทางมาจากเว็บไซต์อื่น ๆ และชี้กลับมายังเว็บไซต์ของคุณ การมี backlink จากเว็บไซต์อื่น ๆ ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญในการประสบความสำเร็จในการทำ SEO (Search Engine Optimization) หรือ การปรับแต่งเว็บไซต์ให้ติดอันดับสูงในผลการค้นหาของเครื่องมือค้นหา เพราะเว็บไซต์ที่มี backlink จากเว็บไซต์อื่น ๆ มักจะได้รับความไว้วางใจจากเครื่องมือค้นหามากขึ้น ซึ่งอาจช่วยเพิ่มโอกาสในการปรากฏในผลการค้นหาสำหรับคำค้นหาที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาของเว็บไซต์ของคุณ นอกจากนี้ backlink ยังช่วยเพิ่มการรับรองความน่าเชื่อถือและความน่าสนใจของเว็บไซต์ของคุณในสายตาของเครื่องมือค้นหาและผู้ใช้บนอินเทอร์เน็ตด้วย โดยส่วนมาก backlink ที่มีคุณภาพสูงจะมีผลต่อการปรับแต่ง SEO ในทางเชิงบวกในขณะที่ backlink ที่ไม่เกี่ยวข้องหรือไม่มีคุณภาพอาจมีผลเสียต่อการปรับแต่ง SEO ของเว็บไซต์ได้ ดังนั้น การสร้าง backlink ที่มีคุณภาพสูงและเกี่ยวข้องกับเนื้อหาของเว็บไซต์เป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนาและปรับแต่ง SEO ของเว็บไซต์

Behavioral Targeting (การเล็งเป้าด้วยพฤติกรรม)

Behavioral targeting (การเล็งเป้าด้วยพฤติกรรม) เป็นกลยุทธ์ในการตลาดออนไลน์ที่ใช้ข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้ใช้เว็บ เช่น การคลิกลิงค์, การเรียกดูเนื้อหา, และการทำธุรกรรมอื่น ๆ เพื่อเป้าหมายตลาดให้แม่นยำขึ้นและเพิ่มโอกาสในการแปลงผู้เข้าชมเป็นลูกค้าจริง ๆ
โดยการเล็งเป้าด้วยพฤติกรรมจะใช้ข้อมูลที่เก็บรวบรวมได้จากการทำกิจกรรมของผู้ใช้บนเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มออนไลน์อื่น ๆ เพื่อสร้างโฆษณาที่เป็นประโยชน์และเข้ากับความต้องการและความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย เช่น การแสดงโฆษณาสินค้าที่เกี่ยวข้องกับความสนใจหรือการกระทำก่อนหน้านั้นของผู้ใช้ ทำให้มีโอกาสสูงขึ้นที่จะทำให้ผู้ใช้ตอบสนองต่อโฆษณาและดำเนินการซื้อสินค้าหรือบริการ

Call-to-Action (CTA)

“Call-to-Action” (CTA) คือข้อความหรือส่วนของเนื้อหาในการตลาดที่ออกแบบมาเพื่อกระตุ้นหรือเรียกให้ผู้อ่านหรือผู้ชมดำเนินการบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับวัตถุประสงค์ของการตลาดนั้นๆ ซึ่งการดำเนินการอาจเป็นการคลิกที่ลิงค์ เข้าร่วมรายการจดหมายข่าว โทรหาเบอร์โทรศัพท์ที่ระบุไว้ เป็นต้น

CTA มักจะถูกออกแบบเพื่อเป็นมาตรการที่ชัดเจนและเข้าใจง่าย เพื่อเพิ่มโอกาสให้ผู้ใช้ทำตามคำแนะนำที่กำหนดไว้ ซึ่ง CTA มักถูกวางอยู่ในตำแหน่งที่โดดเด่นในเนื้อหา เช่น ข้อความปุ่มสีสดใส หรือกระตุ้นด้วยข้อความที่มีคำใบ้เช่น “คลิกที่นี่เพื่อสั่งซื้อ” “ลงทะเบียนเข้าร่วม” “เริ่มต้นทดลองฟรี” เป็นต้น

การใช้ CTA ให้ถูกต้องและมีประสิทธิภาพสามารถช่วยให้กลุ่มเป้าหมายทำสิ่งที่เราต้องการได้มากขึ้น ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการสร้างและดำเนินกิจกรรมการตลาดออนไลน์โดยทั่วไป

Click-through Rate (CTR)

Click-through Rate (CTR) คืออัตราส่วนระหว่างจำนวนครั้งที่ผู้ใช้คลิกเข้าไปยังลิงก์หรือโฆษณา เมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนครั้งที่โฆษณาหรือลิงก์ถูกแสดง (impressions) ในระหว่างการแสดงผลบนหน้าเว็บหรือในอีเมล สูตรการคำนวณ CTR คือ:

เช่น หากโฆษณาของคุณแสดงไปทั้งหมด 1,000 ครั้ง และมีผู้คลิกที่ลิงก์ของโฆษณานั้นเพียง 50 ครั้ง คุณจะได้ CTR คือ 501000×100%=5%

CTR เป็นตัววัดสำคัญในการประเมินประสิทธิภาพของการตลาดออนไลน์ เนื่องจากมันช่วยให้ผู้ตลาดเข้าใจว่าโฆษณาหรือลิงก์ของพวกเขามีประสิทธิภาพอย่างไรต่อการดึงดูดความสนใจและการมีส่วนร่วมของผู้ใช้ การเพิ่ม CTR อาจช่วยเพิ่มการคลิกเข้าไปยังเว็บไซต์หรือการดำเนินการทางธุรกิจอื่น ๆ ได้ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างรายได้และความสำเร็จของกิจการออนไลน์

Content Marketing (การตลาดเนื้อหา)

Content Marketing (การตลาดเนื้อหา) เป็นกลยุทธ์ในการตลาดที่เน้นการสร้างและกระจายเนื้อหาที่มีคุณค่าและน่าสนใจให้กับกลุ่มเป้าหมาย เนื้อหานี้สามารถเป็นบทความ เรื่องราว เสียง เพลง วิดีโอ ภาพถ่าย หรือรูปแบบอื่น ๆ ตามที่เหมาะสมกับแพลตฟอร์มและกลุ่มเป้าหมายของการตลาด

หลักการของการตลาดเนื้อหาคือการให้ค่าคุณค่าและเนื้อหาที่น่าสนใจให้กับกลุ่มเป้าหมาย โดยไม่ใช่การโฆษณาโดยตรง การสร้างเนื้อหาที่น่าสนใจสามารถช่วยเสริมสร้างความไว้วางใจและความสนใจจากลูกค้าในแบรนด์หรือผลิตภัณฑ์ของคุณ

เป้าหมายหลักของการตลาดเนื้อหามีหลายอย่าง เช่น:
1. เพิ่มการทราบข้อมูลเกี่ยวกับแบรนด์หรือผลิตภัณฑ์
2. สร้างความติดตามและความสนใจจากกลุ่มเป้าหมาย
3. เพิ่มความสามารถในการค้นหาของเว็บไซต์ (SEO)
4. สร้างความเชื่อมั่นและความเข้าใจในแบรนด์หรือผลิตภัณฑ์
5. สร้างโอกาสในการแบ่งปันและการระบายความคิดเห็น

ในสร้างเนื้อหาที่มีประสิทธิภาพสูงสุด การรู้จักกลุ่มเป้าหมายและการสร้างเนื้อหาที่เหมาะสมสำคัญมาก เนื่องจากเนื้อหาที่น่าสนใจและมีคุณค่าสามารถช่วยดึงดูดความสนใจและความไว้วางใจจากลูกค้าในยุคที่การตลาดออนไลน์กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว.


12. Conversion Rate (อัตราการแปลง)
13. CRM (Customer Relationship Management)
14. Crowdfunding (การระดมทุนจากประชาชน)
15. CSS (Cascading Style Sheets)
16. Customer Engagement (การติดต่อลูกค้า)
17. Customer Persona (บุคคลลูกค้า)
18. Customer Retention (การรักษาลูกค้า)
63. Chatbot (แชทบอท)
64. Conversion Funnel (กระแสการแปลง)
65. Cross-Selling (การขายสินค้าแบบครอสเซล)
66. Customer Acquisition (การเพิ่มลูกค้า)
67. Customer Journey (การเดินทางของลูกค้า)

19. Digital Marketing (การตลาดดิจิทัล)
20. Domain Name (ชื่อโดเมน)
68. Digital Footprint (รอยเท้าดิจิทัล)
69. Display Advertising (โฆษณาแสดงผล)

21. E-commerce (การค้าออนไลน์)
22. Email Marketing (การตลาดทางอีเมล)
23. Engagement Rate (อัตราการติดต่อ)
70. E-book (หนังสืออิเล็กทรอนิกส์)
71. Exit Intent (ตัวช่วยในการออกจากเว็บไซต์)

24. Follower (ผู้ติดตาม)

25. Geotargeting (การเลือกเป้าหมายทางภูมิศาสตร์)
26. Google AdWords
72. Gamification (การทำให้เป็นเกม)

27. Hashtag (แฮชแท็ก)
28. HTML (HyperText Markup Language)
73. HTTPS (Hypertext Transfer Protocol Secure)

29. Impressions (การแสดงผล)
30. Influencer Marketing (การตลาดผ่านบุคคลกระทำการ)
31. Instagram
74. Inbound Marketing (การตลาดขาเข้า)

32. Keyword (คำสำคัญ)

33. Landing Page (หน้าโฮมเพจ)
34. Lead Generation (การสร้างลีด)
35. Link Building (การสร้างลิงค์)
75. Lead Nurturing (การดูแลลีด)
76. Lifetime Value (มูลค่าชีวิตของลูกค้า)
77. Local SEO (การตลาดท้องถิ่นในเครือข่าย)
78. Long-tail Keyword (คำสำคัญยาว)

36. Marketing Funnel (กระแสการตลาด)
37. Mobile Optimization (การปรับแต่งสำหรับโทรศัพท์มือถือ)
79. Marketplace (ตลาดออนไลน์)
80. Microblogging (การเขียนบล็อกขนาดเล็ก)
81. Mobile App (แอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือ)

38. Newsletter (จดหมายข่าว)
82. Native Advertising (โฆษณาที่เป็นส่วนประกอบของเนื้อหา)

39. Online Reputation Management (การบริหารจัดการชื่อเสียงออนไลน์)
83. Omnichannel Marketing (การตลาดแบบอมนิชาเนล)
84. Organic Search (การค้นหาโดยธรรมชาติ)

40. Pay-per-Click (PPC)
41. Podcasting (การสร้างและกระจายพ็อดแคสต์)
85. Personalization (การปรับให้เป็นของตัวเอง)
86. PPC Campaign (แคมเปญ PPC)

42. QR Code

43. Responsive Design (การออกแบบที่ปรับได้)
44. ROI (Return on Investment)
45. RSS Feed (Rich Site Summary)
88. Remarketing (การตลาดโดยการติดตามลูกค้า)
89. Responsive Design (การออกแบบที่ปรับได้)
90. Retargeting (การตลาดโดยการเป้าหมายใหม่)

46. Search Engine Optimization (SEO)
47. SEM (Search Engine Marketing)
48. SERP (Search Engine Results Page)
49. Social Media Marketing (การตลาดทางสื่อสังคม)
92. Schema Markup (การทำเคมามาร์กอัพ)
93. SEO Audit (การตรวจสอบ SEO)
94. Social Proof (หลักฐานทางสังคม)
95. Subscription (การสมัครสมาชิก)

50. Target Audience (กลุ่มเป้าหมาย)
51. Tracking Pixel (พิกเซลการติดตาม)
96. Targeted Advertising (โฆษณาที่เล็งเป้า)

52. UI/UX (User Interface/User Experience)
53. User-Generated Content (เนื้อหาจากผู้ใช้)
97. User Experience (ประสบการณ์ผู้ใช้)

54. Viral Marketing (การตลาดแบบไวรัล)
98. Video Marketing (การตลาดทางวิดีโอ)
99. Viral Content (เนื้อหาที่แพร่กระจาย)

55. Webinar (เว็บบินาร์)
56. Website Analytics (การวิเคราะห์เว็บไซต์)
57. White Paper (เอกสารขาว)
100. Web Design (การออกแบบเว็บ)