NFT หรือ Non-Fungible Token กำลังกลายเป็นเทรนด์ร้อนแรงในโลกการเงินดิจิทัล เหรียญเหล่านี้เป็นตัวแทนสินทรัพย์ดิจิทัลที่ไม่เหมือนใคร ไม่สามารถแลกเปลี่ยนได้ และสามารถใช้เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของของสิ่งต่างๆ เช่น ผลงานศิลปะ ของสะสม และไอเท็มในเกม โดยเฉพาะในปี 2024 ตลาด NFT คาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง นี่คือโอกาสที่ดีสำหรับนักลงทุนที่ต้องการเข้าสู่โลกใหม่นี้ แต่การลงทุนใน NFT นั้นมีความเสี่ยงอยู่เสมอ ก่อนตัดสินใจลงทุน คุณควรทำความเข้าใจวิธีการทำงานของ NFT และกลยุทธ์การลงทุนที่ดีที่สุด
ทำความรู้จักกับ NFT สินทรัพย์ดิจิทัลมาแรงแห่งยุค
NFT หรือ Non-Fungible Token กำลังเป็นกระแสฮอตฮิตที่ได้รับความสนใจอย่างมากในโลกดิจิทัล ทั้งในแวดวงศิลปะ เกม และการลงทุน แต่หลายคนอาจยังสงสัยว่า NFT คืออะไรกันแน่ มีกี่ประเภท ทำงานอย่างไร และซื้อขายผ่านช่องทางไหนได้บ้าง มาทำความรู้จักกับ NFT ให้มากขึ้นกันเถอะ
NFT คืออะไร?
NFT ย่อมาจาก Non-Fungible Token แปลว่า “โทเคนที่ไม่สามารถทดแทนกันได้” เป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีลักษณะเฉพาะตัว ไม่เหมือนใคร ไม่สามารถลอกเลียนแบบหรือแบ่งย่อยได้ NFT ถูกสร้างขึ้นบนบล็อกเชน โดยส่วนใหญ่อยู่บน Ethereum ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสำหรับพัฒนา NFT ที่ได้รับความนิยมสูงสุด NFT ถูกนำไปใช้แทนสิ่งต่างๆ ที่มีมูลค่าในโลกดิจิทัล เช่น ภาพวาด ภาพถ่าย วิดีโอ เพลง ที่ดินเสมือน ไอเทมในเกม ฯลฯ การเป็นเจ้าของ NFT เปรียบเสมือนการครอบครองกรรมสิทธิ์ในสินทรัพย์ชิ้นนั้นๆ ซึ่งจะถูกบันทึกไว้ในบล็อกเชนอย่างถาวร ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงหรือลบทิ้งได้
ประเภทของ NFT มีอะไรบ้าง?
NFT มีหลากหลายประเภท ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ในการนำไปใช้งาน โดยสามารถแบ่งได้เป็น 7 ประเภทหลักๆ ดังนี้
- NFT Art – ผลงานศิลปะดิจิทัลในรูปแบบต่างๆ เช่น ภาพวาด ภาพถ่าย อนิเมชัน เป็นต้น
- NFT Collectibles – ของสะสมดิจิทัลที่มีความหายาก เช่น การ์ดนักกีฬา ตัวละครการ์ตูน ฯลฯ
- NFT Gaming Items – ไอเทมต่างๆ ภายในเกม เช่น อาวุธ ชุดเกราะ ที่ดิน เป็นต้น
- NFT Music – ผลงานเพลงหรืออัลบั้มในรูปแบบดิจิทัล
- NFT Videos – วิดีโอคลิปสั้นๆ ที่สร้างสรรค์ขึ้นมาเป็นพิเศษ
- NFT Domain Names – โดเมนเนมที่ใช้ในการเข้าถึงเว็บไซต์
- NFT Virtual Lands – ที่ดินเสมือนจริงในโลกเมตาเวิร์ส (Metaverse)
วิธีการทำงานของ NFT
NFT ทำงานผ่านเทคโนโลยีบล็อกเชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งบน Ethereum ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มหลักในการสร้าง NFT ผู้ที่ต้องการสร้าง NFT หรือที่เรียกว่า Minting สามารถทำได้โดยการอัปโหลดไฟล์ดิจิทัลขึ้นไปบนแพลตฟอร์ม NFT จากนั้นระบบจะสร้างโทเคนที่มีรหัสเฉพาะตัวขึ้นมา ซึ่งจะเชื่อมโยงกับไฟล์ต้นฉบับ และบันทึกข้อมูลการเป็นเจ้าของลงในบล็อกเชน เมื่อมีการซื้อขาย NFT ระบบจะทำการโอนกรรมสิทธิ์จากผู้ขายไปยังผู้ซื้อ และบันทึกประวัติการทำธุรกรรมลงในบล็อกเชน ซึ่งทุกคนสามารถตรวจสอบได้ว่าใครเป็นเจ้าของ NFT ตัวนั้นในปัจจุบัน ความโปร่งใสนี้ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับตลาด NFT
ตลาด NFT ยอดนิยม
ปัจจุบันมีแพลตฟอร์มตลาด NFT ให้เลือกใช้บริการมากมาย ซึ่งแต่ละที่จะมีจุดเด่นแตกต่างกันไป ตลาด NFT ยอดนิยมที่น่าสนใจ ได้แก่
– OpenSea – ตลาด NFT ที่ใหญ่ที่สุด รองรับการซื้อขายหลากหลายประเภท ค่าธรรมเนียมถูก เหมาะสำหรับมือใหม่
– Rarible – แพลตฟอร์ม All-in-One ที่ให้บริการครบวงจร ทั้งการสร้าง ซื้อขาย และชุมชนสำหรับครีเอเตอร์
– Nifty Gateway – ตลาดระดับไฮเอนด์ เน้นผลงาน NFT จากศิลปินและแบรนด์ชื่อดัง มีความปลอดภัยสูง
– Axie Marketplace – ตลาดเฉพาะสำหรับซื้อขายไอเทมภายในเกม Axie Infinity ซึ่งเป็นเกมบล็อกเชนชื่อดัง
– NBA Top Shot – แพลตฟอร์มขายไฮไลท์การแข่งขัน NBA ในรูปแบบ NFT ได้รับความนิยมอย่างสูง
– Binance NFT – ตลาด NFT จากกระดานเทรดคริปโตชื่อดังอย่าง Binance เน้นความง่ายและค่าธรรมเนียมต่ำ
เลือกกลยุทธ์การลงทุน NFT ให้เหมาะกับคุณ
ในยุคที่ NFT หรือ Non-Fungible Token กำลังเป็นกระแสฮอตฮิตในโลกการลงทุน หลายคนอาจสงสัยว่าจะเลือกกลยุทธ์การลงทุน NFT แบบไหนดี ระหว่างการลงทุนระยะยาว การซื้อขายระยะสั้น หรือการเล่นเกม NFT วันนี้เรามีคำแนะนำมาฝากกัน
ลงทุนใน NFT ระยะยาว
สำหรับใครที่มองการลงทุน NFT เป็นการสะสมทรัพย์สินดิจิทัลในระยะยาว การเลือกลงทุนใน NFT ที่มีคุณค่าและมีเรื่องราวน่าสนใจ ถือเป็นกลยุทธ์ที่น่าสนใจ เพราะเมื่อเวลาผ่านไป NFT เหล่านี้อาจกลายเป็นของหายากและมีมูลค่าสูงขึ้นได้ ตัวอย่าง NFT ที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนระยะยาว เช่น ผลงานศิลปะดิจิทัลจากศิลปินชื่อดัง, NFT ที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์ดังหรือเหตุการณ์สำคัญ หรือ NFT ที่มีอรรถประโยชน์พิเศษ (utility) เช่น ใช้เป็นตั๋วเข้างานอีเวนต์ เป็นต้น
ซื้อขาย NFT ระยะสั้น
ในขณะที่ตลาด NFT ยังคงร้อนแรง การซื้อขาย NFT ในระยะสั้นเพื่อทำกำไรก็เป็นอีกกลยุทธ์ที่หลายคนเลือกใช้ โดยอาศัยการจับจังหวะการซื้อขายให้ดี เน้นเลือก NFT ที่กำลังเป็นที่นิยมและมีสภาพคล่องสูง อย่างไรก็ตาม การซื้อขาย NFT มีความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาที่สูงกว่าการลงทุนระยะยาว จึงเหมาะกับนักลงทุนที่ชอบความท้าทาย กล้าได้กล้าเสีย และมีเวลาติดตามความเคลื่อนไหวของตลาดอย่างใกล้ชิด
เล่นเกม NFT
อีกหนึ่งกลยุทธ์การลงทุน NFT ที่กำลังมาแรงคือการเล่นเกม NFT ที่ให้ผู้เล่นสามารถสะสม NFT ไอเท็มต่างๆ ภายในเกม และสามารถนำมาซื้อขายแลกเปลี่ยนกันได้ ทำให้เกิดระบบเศรษฐกิจภายในเกม (In-game economy) เกม NFT ยอดนิยมอย่าง Axie Infinity, Gods Unchained, Decentraland ล้วนดึงดูดผู้เล่นด้วยความสนุกของเกมและโอกาสในการสร้างรายได้จากการเล่น (Play-to-Earn) แต่ก็มีความเสี่ยงเรื่องความนิยมของเกมที่อาจลดลงเมื่อเวลาผ่านไป
สรุปแล้ว ไม่ว่าจะเลือกกลยุทธ์การลงทุน NFT แบบไหน สิ่งสำคัญคือต้องศึกษาข้อมูลให้ดี เลือกลงทุนใน NFT ที่มีคุณภาพ และเลือกกลยุทธ์ให้เหมาะกับเป้าหมายการลงทุน ระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ และเวลาที่มี เพื่อให้การลงทุน NFT เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยที่สุด
เลือก NFT ที่ดี ต้องทำยังไงบ้าง?
ในยุคที่ NFT หรือ Non-Fungible Token กำลังเป็นกระแสฮอตฮิตในโลกการลงทุน หลายคนอาจสงสัยว่าจะเลือกซื้อ NFT ที่ดีและมีโอกาสเพิ่มมูลค่าในอนาคตได้อย่างไร วันนี้เรามีเคล็ดลับดีๆ มาฝากกัน
1. ศึกษาข้อมูลผู้สร้างและทีมงาน
สิ่งแรกที่ควรพิจารณาคือ ผู้ที่อยู่เบื้องหลังการสร้างสรรค์ NFT นั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นศิลปิน ดีไซเนอร์ หรือแบรนด์ต่างๆ ยิ่งเป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งสร้างความน่าเชื่อถือให้กับ NFT ชิ้นนั้น และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มมูลค่าในระยะยาว
2. ดูความหายากและความพิเศษ
NFT บางชิ้นมีจำนวนจำกัด บางชิ้นมีลักษณะพิเศษเฉพาะตัว เช่น มีหมายเลขกำกับ มีลายเซ็นดิจิทัล หรือเป็นชิ้นแรกในคอลเลกชัน ยิ่งหายากและพิเศษมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีโอกาสที่จะกลายเป็นของสะสมที่มีมูลค่าสูงในอนาคต
3. พิจารณาอรรถประโยชน์
NFT บางประเภทไม่ได้มีดีแค่ความสวยงามทางศิลปะ แต่ยังมีอรรถประโยชน์พิเศษที่มาพร้อมกับมัน เช่น ใช้เป็นบัตรเข้างานอีเวนต์ ใช้เป็นส่วนลดสำหรับสินค้า หรือใช้ในเกมต่างๆ ยิ่ง NFT มีประโยชน์ใช้สอยมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเพิ่มมูลค่าให้กับมันมากขึ้นเท่านั้น
4. สังเกตกระแสความนิยม
NFT เป็นสินทรัพย์ที่มีความผันผวนตามกระแสความนิยมค่อนข้างสูง ดังนั้นควรจับตาดูว่า NFT ชิ้นไหนหรือคอลเลกชันไหนกำลังเป็นที่พูดถึงในกลุ่มนักสะสมหรือนักลงทุน ผ่านโซเชียลมีเดียหรือชุมชนออนไลน์ต่างๆ เพื่อให้ไม่พลาดโอกาสในการลงทุน
5. เลือกแพลตฟอร์มที่น่าเชื่อถือ
การเลือกซื้อ NFT ผ่านแพลตฟอร์มที่มีความน่าเชื่อถือและปลอดภัย เป็นอีกสิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึง ไม่ควรซื้อผ่านแหล่งที่ไม่น่าไว้วางใจ เพราะอาจเสี่ยงต่อการถูกหลอกลวงหรือไม่ได้รับ NFT ตามที่ตกลงกันไว้
วิธีซื้อ NFT ต้องทำยังไงบ้าง
NFT หรือ Non-Fungible Token กำลังเป็นกระแสฮอตฮิตในโลกของการลงทุนและสะสมสินทรัพย์ดิจิทัล หลายคนอยากจะเป็นเจ้าของ NFT สักชิ้น แต่ยังไม่รู้ว่าต้องเริ่มต้นยังไง วันนี้เรามีขั้นตอนการซื้อ NFT มาฝากกัน
1. เลือกแพลตฟอร์มซื้อขาย NFT
ขั้นตอนแรกคือต้องเลือกแพลตฟอร์มที่เราจะใช้ซื้อขาย NFT โดยแพลตฟอร์มยอดนิยมได้แก่ OpenSea, Rarible, Nifty Gateway, Foundation เป็นต้น แต่ละที่จะมีคอลเลกชัน NFT ที่แตกต่างกันออกไป ให้เลือกตามความชอบและความน่าเชื่อถือของแพลตฟอร์ม
2. สร้างกระเป๋าเงินดิจิทัล
ในการซื้อขาย NFT เราจำเป็นต้องมีกระเป๋าเงินดิจิทัล (Crypto Wallet) เพื่อเก็บเหรียญคริปโตที่จะใช้ซื้อและเก็บ NFT ที่เราเป็นเจ้าของ กระเป๋าเงินยอดนิยมได้แก่ MetaMask, Coinbase Wallet, Trust Wallet โดยสามารถสร้างได้ฟรีผ่านเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันของผู้ให้บริการ
3. เติมเงินเข้ากระเป๋า
เมื่อมีกระเป๋าเงินดิจิทัลแล้ว ต้องเติมเหรียญคริปโตเข้าไปก่อนถึงจะซื้อ NFT ได้ โดยส่วนใหญ่แพลตฟอร์มจะรองรับเหรียญ Ethereum (ETH) เป็นหลัก วิธีเติมเงินทำได้โดยซื้อผ่านแพลตฟอร์มเอง เช่น Coinbase หรือซื้อผ่านเว็บเทรดแล้วโอนเข้ากระเป๋า
4. เชื่อมต่อกระเป๋ากับแพลตฟอร์ม
เมื่อพร้อมแล้ว ให้นำกระเป๋าเงินดิจิทัลไปเชื่อมต่อ (Connect) กับแพลตฟอร์มที่เราจะซื้อขาย NFT ซึ่งจะมีขั้นตอนแจ้งให้ทำตามอย่างละเอียด เพื่อให้แพลตฟอร์มดึงข้อมูลกระเป๋าและยอดเงินมาแสดงผล
5. เลือกซื้อ NFT ที่ถูกใจ
เมื่อเชื่อมต่อเรียบร้อยแล้ว ก็ให้เลือกชม NFT ในแพลตฟอร์มที่เราสนใจ สามารถค้นหาตามชื่อคอลเลกชัน ศิลปิน หรือหมวดหมู่ต่างๆ ได้ พอเจอ NFT ที่ถูกใจ ให้กดเข้าไปดูรายละเอียด ราคา และกดปุ่มซื้อได้เลย (หากราคาพอดี) หรือกดเสนอราคาประมูล (หากเป็นการประมูล)
6. ชำระเงินและรับ NFT
ขั้นตอนสุดท้าย เมื่อกดซื้อหรือประมูลชนะแล้ว ระบบจะหักเงินจากกระเป๋าตามจำนวนที่ตกลง และโอน NFT เข้ามาเก็บไว้ในกระเป๋าเงินดิจิทัลของเรา เป็นอันเสร็จสิ้นขั้นตอนการซื้อ NFT ง่ายๆ เพียงเท่านี้ เราก็จะได้เป็นเจ้าของ NFT ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวแล้ว
อย่างไรก็ตาม ก่อนซื้อ NFT ควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนว่า NFT นั้นมาจากคอลเลกชันหรือศิลปินที่น่าเชื่อถือแค่ไหน มีโอกาสเพิ่มมูลค่าในอนาคตหรือไม่ และซื้อผ่านแพลตฟอร์มที่ปลอดภัย เพื่อให้การลงทุนใน NFT เป็นไปอย่างคุ้มค่าและไร้กังวล
วิธีเก็บรักษา NFT ของคุณให้ปลอดภัย
NFT หรือ Non-Fungible Token กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในโลกของคริปโตและการลงทุนดิจิทัล แต่การเป็นเจ้าของ NFT นั้นมาพร้อมกับความรับผิดชอบในการดูแลรักษาความปลอดภัยของมัน เพราะหาก NFT สูญหายหรือถูกขโมยไป มูลค่าที่มหาศาลของมันก็จะหายไปด้วย วันนี้เรามีเคล็ดลับในการเก็บรักษา NFT ให้ปลอดภัยมาฝากกัน
เลือกกระเป๋าเงินดิจิทัลที่เหมาะสม
ขั้นตอนแรกในการปกป้อง NFT คือการเลือกกระเป๋าเงินดิจิทัล (Crypto Wallet) ที่เหมาะสมในการเก็บรักษา โดยกระเป๋าเงินแบบซอฟต์แวร์ (Software Wallet) เช่น Metamask หรือ Trust Wallet นั้นสะดวกในการใช้งาน แต่ก็มีความเสี่ยงจากการถูกแฮ็กหรือมัลแวร์
ส่วนกระเป๋าเงินแบบฮาร์ดแวร์ (Hardware Wallet) อย่าง Ledger หรือ Trezor ถือเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยที่สุด เพราะเก็บ Private Key ไว้ออฟไลน์ ไม่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ทำให้แฮ็กเกอร์เข้าถึงได้ยาก แต่อาจจะใช้งานไม่สะดวกเท่ากระเป๋าซอฟต์แวร์
ใช้ IPFS ในการเก็บไฟล์ต้นฉบับ
การเก็บไฟล์ดิจิทัลต้นฉบับของ NFT บนระบบ IPFS (InterPlanetary File System) เป็นอีกวิธีที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับ NFT ของคุณ เพราะ IPFS ใช้การอ้างอิงไฟล์ด้วย Content Identifier (CID) ที่เป็นการแฮชข้อมูลเฉพาะ ยากต่อการปลอมแปลง เมื่อคุณเก็บไฟล์บน IPFS ตัวระบบจะเก็บ CID Hash ไว้บนคอมพิวเตอร์ของคุณ ซึ่งจะแจ้งเตือนหากมีความพยายามเข้าถึงจากแฮ็กเกอร์ แพลตฟอร์ม IPFS ยอดนิยมอย่าง Pinata จึงกลายเป็นตัวเลือกยอดฮิตสำหรับการเก็บ NFT อย่างปลอดภัย
ใช้ VPN เมื่อทำธุรกรรม NFT
การใช้บริการ VPN (Virtual Private Network) เมื่อซื้อขายหรือโอน NFT จะช่วยเข้ารหัสและปกปิดตัวตนของคุณ ป้องกันการสกัดข้อมูลจากแฮ็กเกอร์ โดย VPN ชั้นนำอย่าง ExpressVPN จะซ่อน IP ของคุณและมี Kill Switch ตัดการเชื่อมต่อหากสัญญาณขาดหาย ทำให้ข้อมูลของคุณปลอดภัยแม้เน็ตจะหลุด
หลีกเลี่ยงลิงก์และเว็บต้องสงสัย
วิธีหนึ่งที่แฮ็กเกอร์มักใช้ขโมย NFT คือการปล่อยลิงก์ปลอมหรือเว็บฟิชชิ่งเพื่อล่อให้เหยื่อกรอกข้อมูลกระเป๋าเงิน ดังนั้นจงอย่าคลิกลิงก์ที่มาจากแหล่งต้องสงสัย และตรวจสอบให้แน่ใจว่าเว็บที่คุณใช้งานเป็นของจริง ไม่ใช่เว็บปลอม
อย่าเปิดเผย Seed Phrase หรือ Private Key
Seed Phrase หรือ Private Key เปรียบเสมือนกุญแจสำคัญในการเข้าถึงกระเป๋าเงินและ NFT ของคุณ หากรหัสเหล่านี้รั่วไหล ใครก็ตามที่ได้ครอบครองมันจะสามารถขโมยทรัพย์สินของคุณไปได้ทั้งหมด ดังนั้นจงเก็บรหัสเหล่านี้ไว้เป็นความลับ อย่าแชร์ให้ใครหรือบันทึกไว้บนออนไลน์เด็ดขาด
ศึกษาข้อมูลโปรเจกต์ NFT ให้ดีก่อนลงทุน
ก่อนตัดสินใจซื้อ NFT จากคอลเลกชันใดๆ อย่าลืมศึกษาข้อมูลเบื้องหลังโปรเจกต์ให้ถี่ถ้วน ตรวจสอบทีมผู้พัฒนา โร้ดแมป ชุมชน และประวัติที่ผ่านมา เพื่อให้แน่ใจว่าเป็นโปรเจกต์ที่น่าเชื่อถือ ไม่ใช่โปรเจกต์หลอกลวง เพราะการลงทุนใน NFT ที่ไม่มีอนาคต ก็เท่ากับเสี่ยงที่จะเสียเงินเปล่า
ใช้แพลตฟอร์มและบริการที่เชื่อถือได้
สุดท้ายนี้ เมื่อคุณจะซื้อขาย ทำธุรกรรม หรือเก็บ NFT อย่าลืมเลือกใช้แพลตฟอร์มและผู้ให้บริการที่มีชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นตลาด NFT กระเป๋าเงิน หรือบริการอื่นๆ เพื่อลดความเสี่ยงจากการถูกหลอกหรือแฮ็ก เพราะความปลอดภัยของ NFT ควรมาเป็นอันดับหนึ่ง
วิธีขาย NFT ของคุณ
NFT หรือ Non-Fungible Token กำลังเป็นกระแสฮอตฮิตในโลกของการลงทุนและสะสมสินทรัพย์ดิจิทัล หากคุณเป็นเจ้าของ NFT อยู่แล้ว หรือกำลังคิดจะสร้าง NFT เพื่อขายในอนาคต ลองทำตาม 5 ขั้นตอนง่ายๆ นี้ดู
1. เลือกแพลตฟอร์มขาย NFT
ขั้นตอนแรกคือต้องเลือกแพลตฟอร์มที่คุณจะใช้ขาย NFT ซึ่งมีตัวเลือกหลากหลาย ทั้งตลาด NFT ยอดนิยมอย่าง OpenSea, Rarible, Nifty Gateway หรือแพลตฟอร์ม Direct-to-Consumer อย่าง Shopifyให้เลือกตามประเภทของ NFT ที่คุณจะขาย และค่าธรรมเนียมที่แต่ละแพลตฟอร์มเรียกเก็บ
2. เตรียมกระเป๋าเงินดิจิทัล
ก่อนลิสต์ NFT ขาย คุณจะต้องสร้างกระเป๋าเงินคริปโต (Crypto Wallet) เพื่อใช้รับส่งเงิน กระเป๋ายอดนิยมได้แก่ MetaMask, Trust Wallet, Coinbase Wallet เป็นต้น เลือกกระเป๋าที่รองรับสกุลเงินและบล็อกเชนเดียวกับแพลตฟอร์มที่คุณจะใช้
3. ตั้งราคาขาย NFT
การตั้งราคาขาย NFT ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว ขึ้นอยู่กับความต้องการและโชคชะตาของตลาด แต่ควรตั้งราคาให้ใกล้เคียงกับ NFT ประเภทเดียวกันที่ขายได้ในตลาด โดยเฉพาะถ้าคุณมี NFT หายากหรือมีเรื่องราวน่าสนใจ ก็อาจตั้งราคาสูงขึ้นได้
4. ลิสต์ NFT ขาย
เมื่อตัดสินใจราคาขายแล้ว ก็ถึงเวลาลิสต์ NFT ขาย โดยเข้าไปที่แพลตฟอร์มที่เลือกไว้ แล้วทำตามขั้นตอนการลิสต์ NFT ซึ่งส่วนใหญ่จะคล้ายๆ กัน คือการอัปโหลดไฟล์ เขียนคำอธิบาย ตั้งราคา และเลือกวิธีการขาย เช่น ขายราคาคงที่หรือประมูล
5. รอรับข้อเสนอและปิดการขาย
เมื่อลิสต์ NFT ขายแล้ว ก็รอดูว่าจะมีผู้ซื้อมาเสนอราคาหรือไม่ ส่วนใหญ่แพลตฟอร์มจะแจ้งเตือนเมื่อมีคนมาเสนอซื้อ[9] ซึ่งคุณสามารถเลือกตอบรับหรือปฏิเสธข้อเสนอก็ได้ ถ้าเป็นการประมูล ก็รอจนหมดเวลาประมูล ระบบจะปิดการขายให้อัตโนมัติ และโอนเงินเข้ากระเป๋าของคุณ (หักค่าธรรมเนียม)
คำแนะนำสำหรับมือใหม่ เกี่ยวกับ NFT
NFT หรือ Non-Fungible Token กำลังเป็นกระแสฮอตฮิตในโลกของคริปโตและการลงทุนดิจิทัล หากคุณเป็นมือใหม่ที่สนใจอยากเข้ามาสัมผัสกับ NFT วันนี้เรามีเคล็ดลับและคำแนะนำดีๆ มาฝากกัน เพื่อให้การเริ่มต้นเส้นทาง NFT ของคุณเป็นไปอย่างราบรื่น
1. ทำความเข้าใจพื้นฐานของ NFT
สิ่งแรกที่ควรทำคือการศึกษาทำความเข้าใจว่า NFT คืออะไร มันแตกต่างจากสินทรัพย์ดิจิทัลอื่นๆ อย่างไร NFT เป็นโทเคนที่ไม่สามารถทดแทนกันได้ มีลักษณะเฉพาะตัว ไม่เหมือนใคร และไม่สามารถแบ่งย่อยได้ NFT ถูกสร้างขึ้นบนบล็อกเชน ส่วนใหญ่อยู่บน Ethereum ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มยอดนิยมสำหรับพัฒนา NFT
2. เลือกแพลตฟอร์มและกระเป๋าเงินดิจิทัล
เมื่อเข้าใจพื้นฐานของ NFT แล้ว ให้เลือกแพลตฟอร์มที่คุณจะใช้ซื้อขาย NFT เช่น OpenSea, Rarible, Nifty Gateway เป็นต้น[8] แต่ละที่จะมีคอลเลกชัน NFT ที่แตกต่างกัน ให้เลือกตามความชอบและความน่าเชื่อถือ นอกจากนี้ คุณจะต้องสร้างกระเป๋าเงินดิจิทัล (Crypto Wallet) เพื่อเก็บเหรียญคริปโตและ NFT โดยกระเป๋ายอดนิยม ได้แก่ MetaMask, Trust Wallet, Coinbase Wallet เลือกกระเป๋าที่รองรับสกุลเงินและบล็อกเชนเดียวกับแพลตฟอร์มที่คุณจะใช้
3. ศึกษาโปรเจกต์ NFT ให้ดีก่อนลงทุน
ก่อนตัดสินใจซื้อ NFT จากคอลเลกชันใดๆ อย่าลืมศึกษาข้อมูลเบื้องหลังโปรเจกต์ให้ถี่ถ้วน ตรวจสอบทีมผู้พัฒนา โร้ดแมป ชุมชน และประวัติที่ผ่านมา เพื่อให้แน่ใจว่าเป็นโปรเจกต์ที่น่าเชื่อถือ ไม่ใช่โปรเจกต์หลอกลวง เพราะการลงทุนใน NFT ที่ไม่มีอนาคต ก็เท่ากับเสี่ยงที่จะเสียเงินเปล่า
4. อย่าลงทุนเกินตัว
คุณอาจเกิดอาการ FOMO และอยากรีบซื้อ NFT ที่ถูกใจทันที แต่ก็สำคัญที่จะต้องไม่ลงทุนเกินกว่าที่คุณจะรับความเสี่ยงได้ อย่าพยายามแข่งกับคนอื่น เพราะแต่ละคนมีเป้าหมายและงบประมาณที่แตกต่างกัน จงกำหนดวงเงินที่เหมาะสมสำหรับคุณ แล้วค่อยๆ เรียนรู้และสนุกไปกับมัน ดูว่าผลจะเป็นอย่างไร
5. ระวังการหลอกลวงและแฮ็ก
เนื่องจาก NFT เป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าสูง จึงมีความเสี่ยงที่จะถูกแฮ็กเกอร์หรือมิจฉาชีพหลอกลวงได้ อย่าคลิกลิงก์ที่มาจากแหล่งต้องสงสัย ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเว็บที่คุณใช้เป็นของจริง และอย่าเปิดเผย Seed Phrase หรือ Private Key ของกระเป๋าเงินให้ใครเด็ดขาด มิเช่นนั้นคุณอาจเสียทรัพย์สินไปทั้งหมด
6. มีส่วนร่วมในชุมชน NFT
การมีปฏิสัมพันธ์กับชุมชน NFT จะช่วยให้คุณเรียนรู้และเข้าใจวงการนี้ได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ลองเข้าไปสำรวจใน Discord ของโปรเจกต์ที่คุณสนใจ พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับนักสะสมหรือศิลปินคนอื่นๆ บางทีคุณอาจได้ไอเดียดีๆ ข้อมูลเชิงลึก หรือโอกาสใหม่ๆ จากการมีส่วนร่วมในชุมชนเหล่านี้ก็เป็นได้
สรุป:
NFT กำลังสร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับโลกดิจิทัล ทั้งในมิติของงานศิลปะ การสะสม เกม และการลงทุน แม้จะมีความผันผวนอยู่บ้าง แต่ NFT ก็ยังเป็นสินทรัพย์ที่น่าจับตามองในอนาคต สำหรับใครที่สนใจอยากลองเล่น NFT ลองศึกษาข้อมูลให้ดี เลือกแพลตฟอร์มที่น่าเชื่อถือ และเริ่มต้นด้วยงบที่พอดี เพื่อสัมผัสประสบการณ์ใหม่ไปกับกระแส NFT ในยุคนี้